ความเข้าใจในเรื่องเพศวิถีศึกษา
ความเข้าใจในเรื่องเพศวิถีศึกษา สิ่งที่ควรรู้และเข้าใจในเรื่องเพศวิถีศึกษา แบ่งออกเป็นดังนี้
ความเข้าใจในเรื่องเพศวิถีศึกษา
1. เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของร่างกายตามธรรมชาติของเพศ
ในช่วงวัยรุ่นร่างกายของมนุษย์ทั้งเพศหญิงและชาย
จะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากวัยเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อวัยวะภายในและภายนอกมีการพฒนาสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมในทุกส่วน
ซึ่งช่วยให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ และตระหนักถึงการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ
รวมถึงการบำรุง ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
และมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย
4
รู้และเข้าใจการมีเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อ และปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์
การเรียนรู้เรื่องการสืบพันธุ์
หรือการมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเรื่องลับ ๆ อีกต่อไป
เพราะการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศ คือวิธีการดำรงเผ่าพันธุ์ที่มนุษย์และสัตว์เกือบทุกชนิดบนโลกนี้ใช้เพื่อให้กำเนิดลูกหลาน
สืบเชื้อสายและรักษาเหล่าพันธุ์นั้นไว้
โดยคำนึงถึงความเหมาะสม ความถูกต้อง และระยะเวลาอันควร ซึ่งในวัยเรียนเองยังเป็นที่น่ากังวลใจหากนักเรียน
นักศึกษามีเพศสัมพันธ์โดยไม่รู้จักวิธีการป้องกัน การวางแผนอนาคตและครอบครัว
ตลอดจนรู้จักถึงความเสี่ยง อันตราย และโรคภัยที่มากับเพศสัมพันธ์
เพราะการมีเพศสัมพันธ์นั้นช่วยให้มีความสุข เร้าอารมณ์ และเกิดความตื่นเต้น แต่หากเกิดขึ้นอย่างขาดสติ
และความพร้อม มักจะเกิดปัญหา อาทิ การทำแท้ง ยาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมตามมา หากแต่การมีเพศสัมพันธ์เมื่อถึงวัยที่สมบูรณ์ และมีความพร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ สติ และทางสังคมแล้วย่อมถือเป็นเรื่องง่ายที่จะควบคุม
5. รู้ เข้าใจ
และยอมรับในความแตกต่างของเพศ
การแบ่งแยกเพศต่าง ๆ
นั้นสามารถจำแนกได้หลากหลาย ดังที่กล่าวมาแล้วในหัวข้อข้างต้น ทั้งนี้ เพศ
ในทางชีววิทยาได้จำแนกเพศของมนุษย์และสัตว์ตามเพศกำเนิด หรืออัตลักษณ์ทางเพศ (Gender
identity) เพียง 2 เพศคือ เพศชาย (Male
sex) และเพศหญิง (Female sex) ซึ่งจำแนกตามลักษณะอวัยวะเพศ
และโครโมโซมเพศของมนุษย์โดยแรกเกิดซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เข้าใจและเรียนรู้ปลูกฝังมาตั้งแต่อดีต
แต่ในปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) หรือ WHO ได้จำกัดความคำว่า “เพศภาวะ (Gender)” เพื่อใช้จำแนกเพศของมนุษย์ตามคุณลักษณะของผู้หญิงและผู้ชายในบทบาทประกอบสร้างทางสังคม พฤติกรรม กิจกรรมและคุณลักษณะที่ให้สังคมพิจารณาว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดความหลากหลายทางเพศในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมไทยได้เปิดอิสระในการแสดงออกทางความคิด เพศ และการดำเนินชีวิตได้อย่างเสรี ดังนั้นนักเรียน จึงควรเรียนรู้และรู้จักลักษณะ ความแตกต่างและบุคลิกภาพของแต่ละเพศเพื่อเข้าใจและยอมรับในบทบาทหน้าที่ของเพศ ตลอดจนการวางตัวต่อเพศต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

สิ่งที่ควรรู้และเข้าใจในเรื่องเพศวิถีศึกษา
1. เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของร่างกายตามธรรมชาติของเพศ
ในช่วงวัยรุ่นร่างกายของมนุษย์ทั้งเพศหญิงและชาย
จะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากวัยเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อวัยวะภายในและภายนอกมีการพฒนาสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมในทุกส่วน
ซึ่งช่วยให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ และตระหนักถึงการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ
รวมถึงการบำรุง ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง
และมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย2. เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก และความสัมพันธ์ระหว่างเพศ
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
สิ่งที่ยากต่อการหลีกเลี่ยงนั่นคือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพศ
ทั้งในเชิงของเพื่อน มิตรภาพ คนรู้จัก หรือคนรัก วัยรุ่น
เป็นช่วงที่เกิดความสับสน ความอยากรู้อยากลอง คึกคะนองตามฮอร์โมนและสังคมรอบข้าง
ดังนั้น การรู้จักธรรมชาติของอารมณ์ ช่วยส่งผลให้รู้จักควบคุมอารมณ์
และสติสัมปชัญญะให้สมบูรณ์พร้อมอยู่เสมอ สามารถป้องกัน
และแก้ไขปัญหาที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ตลอดจนรับมือกับพิษภัยที่มาพร้อมกับมิตรภาพที่หลากหลายในสังคมวัยรุ่น
และสังคมผู้ใหญ่ ไม่ให้ถูกครอบงำโดยสื่อได้ง่าย
3. รู้จักการดูแลรักษาอวัยวะเพศ และระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์
อวัยวะเพศ
เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดที่มนุษย์ใช้ในการสืบพันธ์
โดยมีระบบการทำงานภายในที่ซับซ้อน เรียกว่า “ระบบสืบพันธุ์” ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปิดเผยและให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นักเรียน
นักศึกษา ซึ่งเป็นเยาวชน และอนาคตของชาติ เพราะระบบสืบพันธ์นั้น
สอดคล้องกับสภาวะจิตใจด้านอารมณ์ และความต้องการทางเพศด้วย
ดังนั้นจึงให้นักเรียนได้เรียนรู้ในเรื่องการระบายอารมณ์ทางเพศ เช่น
การออกกำลังกาย การพักผ่อน การระบายความเครียด ตลอดจนภาวะการมีน้ำอสุจิของเพศชาย การมีประจำเดือนของเพศหญิง
ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ที่ควรศึกษาและเรียนรู้เกิดความรู้
ความเข้าใจถึงหลักการ วิธีการ และการปฏิบัติ การดูแลรักษา อย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
4
รู้และเข้าใจการมีเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อ และปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์
การเรียนรู้เรื่องการสืบพันธุ์
หรือการมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเรื่องลับ ๆ อีกต่อไป
เพราะการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศ คือวิธีการดำรงเผ่าพันธุ์ที่มนุษย์และสัตว์เกือบทุกชนิดบนโลกนี้ใช้เพื่อให้กำเนิดลูกหลาน
สืบเชื้อสายและรักษาเหล่าพันธุ์นั้นไว้
โดยคำนึงถึงความเหมาะสม ความถูกต้อง และระยะเวลาอันควร ซึ่งในวัยเรียนเองยังเป็นที่น่ากังวลใจหากนักเรียน
นักศึกษามีเพศสัมพันธ์โดยไม่รู้จักวิธีการป้องกัน การวางแผนอนาคตและครอบครัว
ตลอดจนรู้จักถึงความเสี่ยง อันตราย และโรคภัยที่มากับเพศสัมพันธ์
เพราะการมีเพศสัมพันธ์นั้นช่วยให้มีความสุข เร้าอารมณ์ และเกิดความตื่นเต้น แต่หากเกิดขึ้นอย่างขาดสติ
และความพร้อม มักจะเกิดปัญหา อาทิ การทำแท้ง ยาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมตามมา หากแต่การมีเพศสัมพันธ์เมื่อถึงวัยที่สมบูรณ์ และมีความพร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ สติ และทางสังคมแล้วย่อมถือเป็นเรื่องง่ายที่จะควบคุม
5. รู้ เข้าใจ
และยอมรับในความแตกต่างของเพศ
การแบ่งแยกเพศต่าง ๆ
นั้นสามารถจำแนกได้หลากหลาย ดังที่กล่าวมาแล้วในหัวข้อข้างต้น ทั้งนี้ เพศ
ในทางชีววิทยาได้จำแนกเพศของมนุษย์และสัตว์ตามเพศกำเนิด หรืออัตลักษณ์ทางเพศ (Gender
identity) เพียง 2 เพศคือ เพศชาย (Male
sex) และเพศหญิง (Female sex) ซึ่งจำแนกตามลักษณะอวัยวะเพศ
และโครโมโซมเพศของมนุษย์โดยแรกเกิดซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เข้าใจและเรียนรู้ปลูกฝังมาตั้งแต่อดีต
แต่ในปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) หรือ WHO ได้จำกัดความคำว่า “เพศภาวะ (Gender)” เพื่อใช้จำแนกเพศของมนุษย์ตามคุณลักษณะของผู้หญิงและผู้ชายในบทบาทประกอบสร้างทางสังคม พฤติกรรม กิจกรรมและคุณลักษณะที่ให้สังคมพิจารณาว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดความหลากหลายทางเพศในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมไทยได้เปิดอิสระในการแสดงออกทางความคิด เพศ และการดำเนินชีวิตได้อย่างเสรี ดังนั้นนักเรียน จึงควรเรียนรู้และรู้จักลักษณะ ความแตกต่างและบุคลิกภาพของแต่ละเพศเพื่อเข้าใจและยอมรับในบทบาทหน้าที่ของเพศ ตลอดจนการวางตัวต่อเพศต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม